1. พ.ร.บ. ศุลกากร แก้ไขครั้งล่าสุดเป็นฉบับที่เท่าใด

• ฉบับที่ 17                                                                             ค. ฉบับที่  19
• ฉบับที่ 18                                                                             ง. ฉบับที่  20

ตอบ  ง. ฉบับที่  20

2. พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2548 ให้ไว้ ณ วันใด

• 4 มกราคม พ.ศ. 2548                                                       ค. 6 มกราคม พ.ศ. 2548
• 5 มกราคม พ.ศ. 2548                                                       ง. 7 มกราคม พ.ศ. 2548

ตอบ   ก. 4 มกราคม พ.ศ. 2548 

3. พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2548 มีกี่มาตรา

• 5 มาตรา                                                                               ค. 3  มาตรา
• 10 มาตรา                                                                             ง.  7  มาตรา

ตอบ   ค. 3  มาตรา

4. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการในพ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2548 คือใคร

• นายชวน หลีกภัย                 ค. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
• นายสมัคร สุนทรเวช                                                       ง. พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร

ตอบ   ง. พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร 

5. ข้อใดคือเหตุผลในการประกาศใช้พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2548

• การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและมาเลเซียเกี่ยวกับการ จัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีป ของประเทศทั้งสองในอ่าวไทย
• ในความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและ รัฐบาลแห่งมาเลเซียว่าด้วยธรรมนูญ
• เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดตั้งองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
• ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.ถูกทุกข้อ

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและมาเลเซียเกี่ยวกับการ จัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีป ของประเทศทั้งสองในอ่าวไทย ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 และในความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและ รัฐบาลแห่งมาเลเซียว่าด้วยธรรมนูญและเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดตั้งองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ลงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 ซึ่งรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบแล้วเพื่อให้การปฏิบัติการเป็นไปตามบันทึก ความเข้าใจและความตกลงดังกล่าวในเรื่องเกี่ยวกับอำนาจทางศุลกากร จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

6. พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2548 ให้เพิ่มความในหมวดใด

• หมวด 4 ทวิ                 ค. หมวด  5
• หมวด 4ตรี                 ง. หมวด  6

ตอบ  ข. หมวด 4ตรี   

7. “พื้นที่พัฒนาร่วม” หมายความว่า

• พื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-สิงคโปร์
• พื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
• พื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-ลาว
• พื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-บรูไน

ตอบ   ข. พื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย 

“มาตรา 37ฉ ในหมวดนี้
“พื้นที่พัฒนาร่วม” หมายความว่า พื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย

8. การจัดระเบียบการเคลื่อนย้ายของที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปจากพื้นที่พัฒนาร่วมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของผู้ใดกำหนด

• อธิบดีกำหนด
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกำหนด
• อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
• อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ตอบ   ง. อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 

“มาตรา 37สัตต การจัดระเบียบการเคลื่อนย้ายของที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปจากพื้นที่พัฒนา ร่วมให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

9. การนำเข้า การส่งออก และการเคลื่อนย้ายภายในสำหรับของในพื้นที่ พัฒนาร่วมให้ใช้แบบศุลกากรตามที่ใครกำหนด

• อธิบดีประกาศกำหนด
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประกาศกำหนด
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมประกาศกำหนด
• ไม่มีข้อถูก

ตอบ   ก. อธิบดีประกาศกำหนด 

“มาตรา 37เอกาทศ การนำเข้า การส่งออก และการเคลื่อนย้ายภายในสำหรับของในพื้นที่ พัฒนาร่วมให้ใช้แบบศุลกากรตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

10. ข้อใด ไม่ใช่ องค์ประกอบของ “คณะกรรมการศุลกากรร่วม”

• เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรค. เจ้าหน้าที่หน่วยงานสรรพสามิตของมาเลเซีย
• เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานศุลกากรของมาเลเซีย ง. เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร

ตอบ   ง. เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร

“คณะกรรมการศุลกากรร่วม” หมายความว่า คณะกรรมการที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานศุลกากรและสรรพสามิตของมาเลเซีย ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ของการประสานงานด้านการดำเนินการ ตามกฎหมายศุลกากรและสรรพสามิตในพื้นที่พัฒนาร่วม

11. ข้อใดหมายถึง “พื้นที่พัฒนาร่วม”

• พระราชอาณาจักรสยามค. ราชอาณาจักร
• พระราชอาณาเขต ง. ถูกทุกข้อ

ตอบ   ง. ถูกทุกข้อ

“มาตรา 37จตุทศ เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ คำว่า “พระราชอาณาจักรสยาม” “พระราชอาณาเขต” และ “ราชอาณาจักร” ในพระราชบัญญัตินี้ให้หมายความถึง “พื้นที่พัฒนาร่วม”

12. ศาลใดมีเขตอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีศุลกากรที่เกี่ยวกับพื้นที่พัฒนาร่วม

• ศาลภาษีอากรกลางค. ศาลอาญา
• ศาลจังหวัดสงขลา                                                              ง. ถูกทุกข้อ

ตอบ   ง. ถูกทุกข้อ

“มาตรา 37ปัญจทศ ให้ศาลภาษีอากรกลางศาลจังหวัดสงขลา หรือศาลอาญา มีเขตอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีศุลกากรที่เกี่ยวกับพื้นที่พัฒนาร่วม”

13. พระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. 2469 มีกี่หมวด  กี่มาตรา

• 14 หมวด  110  มาตรา                                                     ค. 15  หมวด  120  มาตรา
• 14 หมวด  120  มาตรา                                                     ง. 15  หมวด  122  มาตรา

ตอบ   ง. 15  หมวด  122  มาตรา

14. พระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. 2469ให้ใช้เป็นกฎหมายเมื่อพ้นวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นเวลาเท่าใด

• 3 เดือน                                                                                 ค. 2  เดือน
• 5 เดือน                                                                                 ง. 4  เดือน

ตอบ   ก. 3  เดือน         [รก.2469/-/272/13 สิงหาคม 2469]

15. ใครเป็นประธานในคณะกรรมการวินิจฉัยอากรศุลกากร

• อธิบดีกรมศุลกากร ค. อธิบดีกรมสรรพากร
• ปลัดกระทรวงการคลัง ง. อธิบดี กรมสรรพสามิต

ตอบ   ข.ปลัดกระทรวงการคลัง

มาตรา 2ทวิ ให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยอากรศุลกากร ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดี กรมสรรพสามิต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ทรงคุณวุฒิอีกจำนวนสามคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ

ให้คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลังเป็นเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ

16. คณะกรรมการวินิจฉัยอากรศุลกากร มีวาระอยู่ใน ตำแหน่งกี่ปี

• 1 ปี                                                                                        ค. 3  ปี
• 2 ปี                                                                                        ง. 4  ปี

ตอบ   ค. 3  ปี

มาตรา 2ตรี ให้กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งตาม มาตรา 2ทวิ มีวาระอยู่ใน ตำแหน่งคราวละสามปี กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ อีกได้

17. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการวินิจฉัยอากรศุลกากร

• กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่
• วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมศุลกากรขอความเห็น
• กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมิน ภาษีอากร
• ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง. ถูกทุกข้อ

มาตรา 2สัตต คณะกรรมการตาม มาตรา 2ทวิ มีอำนาจดำเนินการ
(1) กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่
(2) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมิน ภาษีอากร
(3) วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมศุลกากรขอความเห็น
(4) ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร

18. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมศุลกากร

• บังคับบัญชาควบคุมบรรดาพนักงานทั้งหลายในกรม ศุลกากร
• ให้เงินเดือนและเงินรางวัล เรียกประกันสำหรับความประพฤติดี
• ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร
• ออก ข้อบังคับสำหรับกรมตามที่เห็นว่าจำเป็น เพื่อดำเนินการให้เป็นไปโดยเรียบร้อย

ตอบ   ค. ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร

       มาตรา 3 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะได้ทรงตั้งหรือทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เสนาบดีตั้งบุคคลผู้สมควรขึ้นเป็นหัวหน้า จัดการงานในกรมศุลกากร และกำกับตรวจตรากิจการอันเป็นหน้าที่ของกรมนั้น บุคคลผู้นั้น ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “อธิบดี” ให้มีหน้าที่บังคับบัญชาควบคุมบรรดาพนักงานทั้งหลายในกรม ศุลกากร มีอำนาจให้เงินเดือนและเงินรางวัล เรียกประกันสำหรับความประพฤติดี และออก ข้อบังคับสำหรับกรมตามที่เห็นว่าจำเป็น เพื่อดำเนินการให้เป็นไปโดยเรียบร้อย และบังคับ การให้เป็นไปตามนั้น

มาตรา 8ทวิ อธิบดีมีอำนาจ
(1) อนุมัติให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับแสดงและขายของที่เก็บในคลัง สินค้าทัณฑ์บนนั้น โดยให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
(2) อนุมัติให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับทำการผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการอื่นใดกับของที่นำเข้ามาและเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น โดยให้ปฏิบัติตาม ระเบียบที่อธิบดีกำหนด

19. การกำหนดราคาศุลกากรในกรณีนำของเข้าจะต้องรวมค่าอะไรบ้าง

• ค่าขนส่งของที่นำเข้ามายังท่าค. ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น
• ค่าประกันภัย                                                                       ง. ถูกทุกข้อ

ตอบ    ง. ถูกทุกข้อ

มาตรา 11 การกำหนดราคาศุลกากรในกรณีนำของเข้าจะต้องรวมค่าประกันภัย ค่าขนส่งของที่นำเข้ามายังท่าหรือที่ที่นำของเข้า ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้น และค่าจัดการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่งของที่นำเข้ามายังท่าหรือที่ที่นำของเข้า

20. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง เมื่อของผ่านศุลกากร หรืออยู่ในความกำกับตรวจตราของศุลกากร

• พนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากรคนหนึ่งคนใดจะให้เปิดหีบห่อและตรวจของนั้น ในเวลาใด ๆ ก็ได้
• พนักงานเจ้าหน้าที่จะเอาตัวอย่างของใด ๆไปเพื่อตรวจหรือสอบ หรือตีราคา หรือ เพื่อประโยชน์อย่างอื่นก็ได้แล้วแต่จะเห็นว่าจำเป็น
• พนักงานเจ้าหน้าที่จะเลือกเอาของที่ตรวจออกจากหีบห่อหรือส่วนใดแห่งของนั้นก็ได้แต่ต้องปริมาณพอสมควร
• ของใดๆที่พนักงานเจ้าหน้าที่เอาไปตรวจไม่สามารถคืนให้กับเจ้าของได้

ตอบ  ง. ของใดๆที่พนักงานเจ้าหน้าที่เอาไปตรวจไม่สามารถคืนให้กับเจ้าของได้

มาตรา 14 เมื่อของผ่านศุลกากร หรืออยู่ในความกำกับตรวจตราของศุลกากร ด้วยประการใด ๆ ก็ดี พนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากรคนหนึ่งคนใดจะให้เปิดหีบห่อและตรวจของนั้น ในเวลาใด ๆ ก็ได้ พนักงานนั้นจะเอาตัวอย่างของใด ๆ ไปเพื่อตรวจหรือสอบ หรือตีราคา หรือ เพื่อประโยชน์อย่างอื่นก็ได้แล้วแต่จะเห็นว่าจำเป็น ตัวอย่างของนี้ต้องส่งให้โดยไม่คิดราคา และ พนักงานนั้นจะเลือกเอาออกจากหีบห่อหรือส่วนใดแห่งของนั้นก็ได้ แต่ว่าตัวอย่างของเช่นนี้จะต้อง เอาไปแต่เพียงขนาดหรือปริมาณพอสมควร และจะต้องเอาออกโดยวิธีอันจะทำให้เจ้าของเสียหาย หรือลำบากอย่างน้อยที่สุดที่จะเป็นได้ และเมื่อไรสามารถจะคืนได้ ก็ให้คืนแก่เจ้าของไปโดยเร็ว