แนะนำการสอบกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
แนะนำการสอบกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ หางานราชการ สอบบรรจุงานราชการ สมัครงานราชการ
การเตรียมตัวสอบกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ หางานราชการ สอบบรรจุงานราชการ สมัครงานราชการ
สอบบรรจุกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ , ข้อสอบกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ , งานราชการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
บทบาทหน้าที่ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ประวัติ
งานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2459 อยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งในขณะนั้นงาน การตรวจบัญชีสหกรณ์ อยู่ในความรับผิดชอบของ แผนกงานสหกรณ์ กรมพาณิชย์ และสถิติพยากรณ์ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ และต่อมา เมื่อมีการปรับปรุงกระทรวง ทบวงกรมใหม่ จึงได้รับการ เลื่อนฐานะเป็น กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ อยู่ในสังกัดของ กระทรวงการสหกรณ์ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2495 ซึ่งต่อมา ก็ได้เปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับ กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ในปี พ.ศ.2506 และเมื่อมี การยุบกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติในปีพ.ศ. 2515 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ก็เปลี่ยนมาขึ้นอยู่กับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนถึงปัจจุบันนี้
ระบบการตรวจสอบบัญชีสหกรณระบบการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ แต่เดิมนั้น ผู้ตรวจสอบบัญชี ทั้งหมดจะรวมกัน อยู่ที่ สำนักงานใหญ่ ของกรมฯ ใน กรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว และจะเดินทางออกไปเพื่อทำ การตรวจบัญชี ในจังหวัดต่างๆ เพียงปีละครั้ง หรือสองครั้งเท่านั้น แต่ละครั้ง จะใช้เวลาประมาณ 60 ถึง 90 วันซึ่งก็เป็นผลให้ การปฏิบัติงานเป็นไป ไม่คล่องตัวเท่าที่ควร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2524 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงได้เริ่มกระจายงานการตรวจสอบบัญชี ออกไปยังส่วนภูมิภาค โดยการจัดตั้ง สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ ประจำจังหวัด ขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแนะนำด้านการเงิน การบัญชี ให้สถาบันเกษตรกร ได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ปัจจุบัน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ประจำอยู่ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 1 - 10 ทำหน้าที่คอยกำกับดูแลการปฏิบัติงานของสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ ซึ่งอยู่ในสังกัด
อาคารอนุรักษ์
ชื่อเดิม วังเทเวศร์ (ตำหนักพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร)
ชื่อทางราชการ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ที่ตั้ง กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
อาณาเขต
ทิศเหนือ จรดคลองผดุงกรุงเกษม
ทิศใต้ จรดวังเทวะเวสม์(ธนาคารแห่งประเทศไทย)
ทิศตะวันออก จรดวัดนรนาถสุนทริการาม
ทิศตะวันตก จรดวังเทเวศร์,บริเวณตำหนักใหญ่
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
วังเทเวศร์ หรือ วังกรมพระจันทบุรีนฤนาถ เป็นวังที่ประทับของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ (ต้นราชสกุลกิติยากร) ซึ่งพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ซื้อที่ดินจากข้าราชการและ เอกชน ๑๗ ราย ด้วยเงินพระคลังข้างที่ ตั้งแต่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจนมาถึงบริเวณถนนกรุงเกษมเพื่อสร้าง เป็นตำหนักพระราชทานพระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ครั้นยังทรงดำรงตำแหน่ง เป็นพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ ซึ่งมีกำหนดจะเสด็จนิวัติพระนครภายหลังจากที่ ทรงสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษในปี พ.ศ.2438 การสร้างตำหนักที่ประทับและอาคารที่เกี่ยวข้อง แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2439 โดยที่พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรี นฤนาถ ได้ทรงประทับที่วังนี้จนตลอดพระชนมายุ
ต่อมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ภายหลังเปลี่ยนแปลง การปกครองใน พ.ศ. 2475 แล้ว ทายาทของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ได้แบ่งขายที่ดินตำหนักใหญ่ตั้งแต่ริมถนนกรุงเกษมจนถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้กับ พระยาอนิรุทธเทวา ทำให้ในปัจจุบันพื้นที่ภายในวังเทเวศร์ ได้แบ่งออกได้เป็นสามส่วนใหญ่ๆ คือ
๑. บริเวณ พระตำหนักของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ หรือ ตำหนักใหญ่ ส่วนนี้มีพื้นที่ทางด้านเหนือตั้งแต่ถนนกรุงเกษม ด้านใต้จรดตำหนัก หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ด้านตะวันออกจรดกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และด้าน ตะวันตกจรดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันพื้นที่ส่วนนี้อยู่ในการดูแลของทายาทตระกูลอนิรุทธเทวา
๒. บริเวณตำหนักหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ส่วนนี้มีพื้นที่ทางด้านเหนือตั้งแต่ ถนนกรุงเกษม ด้านใต้จรดวังเทวะเวสม์ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ด้านตะวันออกจรดกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และด้านตะวันตกจรดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันพื้นที่ส่วนนี้อยู่ในการดูแลของทายาทราชสกุลกิติยากร
๓. บริเวณตำหนักพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร ส่วนนี้มีพื้นที่ทางด้านเหนือตั้งแต่ ถนนกรุงเกษม ด้านใต้จรดวังเทวะเวสม์ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ด้านตะวันออกจรดวัดนรนาถสุนทริการาม และด้านตะวันตกจรดบริเวณตำหนักใหญ่ ปัจจุบันพื้นที่ส่วนนี้อยู่ในการดูแลของกรมส่งเสริมสหกรณ์และ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ซึ่งพื้นที่ในส่วนที่ ๓ ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในปัจจุบันนั้น ทางกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ซื้อที่ดินพร้อมอาคารพระตำหนักส่วนดังกล่าวจากพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร พระโอรสของ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยพระตำหนักพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร ที่ได้มาพร้อมกับการซื้อที่ดินดังกล่าว ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เป็นอาคารสำนักงานของกรมตรวจ บัญชีสหกรณ์(อาคาร๑) และต่อมาในปี พ.ศ. 2540 อาคาร 1 หรืออดีตตำหนักของพันตรี หม่อมเจ้า ขจรจบกิตติคุณ กิติยากร หลังนี้ ได้รับการลงมติจากคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรม สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2540 โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันพฤหัสบดี ที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.2540 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังสวนจิตรลดา
ลักษณะและรูปแบบทางศิลปะสถาปัตยกรรม
๑. พระตำหนักของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ หรือตำหนักใหญ่ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น ที่ได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจากศิลปกรรมตะวันตกแบบ โคโลเนียลสไตล์ ตัวตำหนักหันหน้าเข้าสู่ถนนกรุงเกษม มีมุขทางเข้าทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร โดยที่มุขด้านหน้าอาคารชั้นบนเป็นเฉลียงกว้าง ผนังชั้นบนตกแต่งด้วยซุ้มโค้งสลับกับเสาประดับเซาะร่อง ภายในซุ้มโค้งติดกรอบหน้าต่าง ส่วนซุ้มโค้งครึ่งวงกลมมีช่องแสงลายรัศมีแฉกประดับกระจกสี เหนือซุ้มโค้ง มีเส้นแบ่งเหนือเส้นแบ่ง เหนือเส้นบ่งนั้นทำเป็นกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสลับกับสี่เหลี่ยมจัตุรัส ผนังชั้นล่างตกแต่งผนังซุ้มโค้งภายในติดกรอบหน้าต่างสลับกับลายเซาะร่อง
๒. ตำหนักหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร เป็นอาคารทรงปั้นหยาก่ออิฐถือปูนสองชั้น ด้านหน้าอาคาร เป็นมุขโค้ง (อาคารหันหน้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา) ซึ่งได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจากศิลปกรรมในการก่อสร้าง อาคารแถบประเทศเยอรมนี และออสเตรีย ตำหนักหลังนี้หม่อมเจ้าอัปสรสมาน กิติยากร พระมารดา ทรงสร้างประทานแก่หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร และหม่อมหลวงบัว กิติยากร ตำหนักแห่งนี้สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาประทับตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ปัจจุบันเป็นที่พำนักของทายาท ราชสกุลกิติยากร
๓. ตำหนักพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร เป็นอาคารทรงปั้นหยาก่ออิฐถือปูนสามชั้น (รวมห้องใต้หลังคา) ลักษณะงดงามกะทัดรัก ซึ่งได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจากศิลปกรรมในการก่อสร้างอาคาร แถบประเทศเยอรมนี และออสเตรียเช่นเดียวกัน
ประวัติการดำเนินงานทางโบราณคดีและการอนุรักษ์
ตำหนักพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร หรืออาคาร ๑ ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์นั้น ยังไม่มีประวัติการดำเนินการทางโบราณคดีใดๆ แต่จากการศึกษาข้อมูลแผนที่โบราณแล้วพบว่าบริเวณ วังเทเวศร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตำหนักพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร นั้น แต่เดิมน่าจะเคยเป็นที่ตั้ง ของป้อมพระนครรักษา อันเป็นป้อม ๑ ใน ๘ ป้อมที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมๆ กับการขุดคลองผดุงกรุงเกษม และได้ถูกรื้อถอนเอาอิฐไปใช้ประโยชน์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ลักษณะการใช้งานในปัจจุบัน
ตำหนักพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร หรืออาคาร ๑ ของกรมตรวจบัญชี สหกรณ์นั้น แต่เดิมใช้เป็นอาคารสำนักงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จนกระทั่งในปี พ.ศ.๒๕๔๐ จึงได้ ปรับปรุงเป็นสำนักงานของอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์แต่เพียงอย่างเดียว โดยย้ายสำนักงานอื่นๆ ออกไป จากตัวอาคาร
สภาพของตำหนักพันตรี หม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร หรืออาคาร ๑ ของกรมตรวจ บัญชีสหกรณ์นั้น โดยรวมแล้ว ยังถือว่าอยู่ในสภาพดี เพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากหน่วยงานเจ้าของ พื้นที่เป็นอย่างดี
ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
มล.อุดม ทินกร พ.ศ. 2495 - 2505
นายสละ วีรเธียร พ.ศ. 2502-2509
ดร.สุธี สิงห์เสน่ห์ พ.ศ. 2509-2519
นายสำรวย อุเทนสุต พ.ศ. 2519-2524
นายเชิญ บำรุงวงศ์ พ.ศ. 2524-2525
นายประวัติ จาติกวนิช พ.ศ. 2525-2529
นายอนันต์ ชำนาญกิจ พ.ศ. 2529-2535
นายสุภาพ เศวตาสัย พ.ศ. 2535-2536
นายอนันต์ ชำนาญกิจ พ.ศ. 2536-2537
นายสมพงษ์ ปองเกษม พ.ศ. 2537-2539
นายสมพงษ์ ถีรวงศ์ พ.ศ. 2539-2540
นางสาวพีรรัตน์ อังกุรรัต พ.ศ. 2540-2541
นางสาวสุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ พ.ศ. 2541-2547
นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล พ.ศ. 2547-2548
นางสาวสุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ พ.ศ. 2548-2549
นายเรืองชัย บุญญานันต์ พ.ศ. 2549-2551
นายศุภชัย บานพับทอง พ.ศ. 2551-2552
นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล พ.ศ. 2552-2553
นายสิงห์ทอง ชินวรรังสี พ.ศ. 2553-2554
นายจักรี สุจริตธรรม พ.ศ. 2554-2555
นายวิจักร อากัปกริยา พ.ศ. 2555-2556
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข พ.ศ. 2556-2558
นายสมปอง อินทร์ทอง พ.ศ. 2558-2559
นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ พ.ศ. 2559-2560
นายโอภาส ทองยงค์ พ.ศ. 2561- ปัจจุบัน
วิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์
วิสัยทัศน์ :
ภายในปี 2565 สหกรณ์และเกษตรกรมีความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้
พันธกิจ
1. ตรวจสอบบัญชีและควบคุมคุณภาพการสอบบัญชีสหกรณ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
2. พัฒนาการบริหารจัดการด้านการเงินการบัญชีแก่สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน
3. กำกับการสอบบัญชีสหกรณ์ที่ดำเนินการโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและบุคคลอื่น
4. พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและการเตือนภัยทางการเงินสหกรณ์
5. ถ่ายทอดความรู้ด้านการตรวจสอบกิจการและการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไป
ภารกิจตามกฎหมาย
1. ดำเนินการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
2. กำหนดระบบบัญชีและมาตรฐานการสอบบัญชีให้เหมาะสมกับธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
3. ให้คำแนะนำและให้ความรู้ด้านการบริหารการเงินและการบัญชีแก่คณะกรรมการและสมาชิกของสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และบุคลากรเครือข่าย
4. ถ่ายทอดความรู้และส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้แก่สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มอาชีพ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเป้าหมายตามโครงการพระราชดำริ เกษตรกร และประชาชนทั่วไป
5. กำกับดูแลการสอบบัญชีสหกรณ์โดยผู้สอบบัญชีภาคเอกชน
6. จัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อเป็นพื้นฐานในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
7. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์หรือตามที่กระทรวงหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ภายใต้กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2552 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557)
กลยุทธ์
กลยุทธ์ที่ 1 : พัฒนาความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีแก่สหกรณ์และสถาบันเกษตรกร
1. สร้างจิตสำนึกในการเป็นผู้บริหารสหกรณ์ที่ดีแก่คณะกรรมการสหกรณ์
2. พัฒนาสมรรถนะฝ่ายบริหารสหกรณ์ให้สามารถใช้ข้อมูลการเงินการบัญชี เพื่อบริหารสหกรณ์อย่างมืออาชีพ
3. พัฒนาผู้บริหารสหกรณ์ให้มีความสามารถในการกำกับและติดตามการปฏิบัติงาน ของฝ่ายจัดการ
4. ผลักดันให้สหกรณ์ใช้ประโยชน์จากรายงานการตรวจสอบบัญชีและรายงาน การตรวจสอบกิจการ
กลยุทธ์ที่ 2 : ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการจัดทำบัญชีเกษตรกร
1. สร้างความตระหนักรู้ประโยชน์การจัดทำบัญชีแก่เกษตรกร
2. เสริมสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือน
3. ปรับเปลี่ยนการประกอบอาชีพโดยใช้ข้อมูลทางบัญชี
4. ส่งเสริมการจัดทำบัญชีแก่กลุ่มเป้าหมายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
5. ส่งเสริมการพัฒนาเครือข่ายด้านบัญชี
กลยุทธ์ที่ 3 : พัฒนาระบบการบริหารจัดการสู่องค์กรดิจิทัล
1. ปรับปรุงโครงสร้างและระบบการบริหารจัดการองค์กรให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสหกรณ์ และสถาบันเกษตรกร
2. บริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและสร้างแรงจูงใจเพื่อรองรับวิกฤติกำลังคน
3. พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและเสริมสร้างสมรรถนะผู้สอบบัญชีเพื่อการสอบบัญชีแบบมืออาชีพ
4. ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา
5. สร้างภาคีเครือข่ายและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
6. สนับสนุนการจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมต่อสภาวะวิกฤต
แผนยุทธศาสตร์
-แผนปฏิบัติการด้านดิจิทัลของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พ.ศ. 2563 - 2565 (21/01/64)
-ทิศทางการปฏิบัติงาน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (10/11/63)
-แผนปฏิบัติราชการของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ระยะ 3 ปี (พ.ศ.2563 - 2565) (25/09/63)
-แผนกลยุทธ์กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ (พ.ศ. 2560 - 2564) (08/11/59)
ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง
ส่วนกลาง
-ผู้บริหารกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
-สำนักบริหารกลาง
-สำนักส่งเสริมพัฒนาการบัญชีและถ่ายทอดเทคโนโลยี
-สำนักแผนงานและโครงการพิเศษ
-ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-สำนักมาตรฐานการบัญชีและการสอบบัญชี
-กองกำกับการสอบบัญชีสหกรณ์
ส่วนภูมิภาค
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 1
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 2
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 3
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 4
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 5
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 6
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 7
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 8
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 9
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 10
สถานที่ตั้ง
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 1
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 2
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 3
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 4
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 5
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 6
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 7
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 8
-สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 9