- การจัดตั้งหน่วยฝึกทหารใหม่มีความมุ่งหมายเพื่ออะไร
ตอบ เพื่อให้มีคณะบุคคลคณะหนึ่ง ดำเนินการฝึก อบรม อำนวยการ กำกับดูแล รวมถึงการเตรียมการด้านธุรการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกทหารใหม่ ให้บรรลุผลตามความมุ่งหมาย ทำให้ทหารใหม่ทุกนายได้รับการฝึก ศึกษาวิชาการทหารเบื้องต้นที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเป็นพื้นฐานที่เหมาะสมในการฝึกศึกษาหลักสูตรการฝึก ของแต่ละเหล่าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
- หน่วยฝึกทหารใหม่จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
ตอบ 1. จำนวนทหารใหม่ใน 1 หน่วยฝึก ต้องมีจำนวน 80 – 160 นาย
- มีพื้นที่ฝึก/สนามฝึก สนามยิงปืนของหน่วยเอง สามารถดำเนินการฝึกได้ทุกเวลา โดยไม่ต้องขอรับการสนับสนุนจากหน่วยอื่น
- มีอาคารสถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นสัดส่วน มีเอกภาพในการควบคุมบังคับบัญชา
- มีเครื่องช่วยฝึกเพียงพอ และเหมาะสมต่อจำนวนทหารใหม่ที่รับการฝึก
- หน่วยฝึกที่ได้รับการจัดตั้งจะต้องดำเนินการฝึกครูทหารใหม่
- เจ้าหน้าที่ในหน่วยฝึกทหารใหม่ ประกอบด้วย
ตอบ ผบ.หน่วยฝึก , เจ้าหน้าที่ธุรการประจำหน่วยฝึก, ผู้ฝึก, ผู้ช่วยผู้ฝึก, ครูนายสิบ และครูทหารใหม่
- ผบ.หน่วยฝึก : จัดจากนายทหารชั้นสัญญาบัตรภายในหน่วยที่มีอาวุโสด้วยคุณวุฒิ โดยปกติแล้ว ควรจะเป็น ผู้บังคับกองร้อย หรือ บุคคลที่มียศสูงกว่าผู้ฝึกฯ โดยมีหน้าที่ อำนวยการ และกำกับดูแลให้การฝึก เป็นไปตามความมุ่งหมาย และเจตนารมณ์ของหน่วย และดำเนินการด้านธุรการ การสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงการจัดเตรียมสิ่งอุปกรณ์, เครื่องช่วยฝึก และสนามฝึก เพื่อให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงสุด
2.เจ้าหน้าที่ธุรการประจำหน่วยฝึก : จัดจากกำลังพลภายในหน่วย จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือ และเป็นลูกมือ ให้กับ ผบ.หน่วยฝึก ในการปฏิบัติงานด้านธุรการ และการสนับสนุนการฝึกทหารใหม่ รวมถึงงานการบริการ และ การรักษาความปลอดภัยด้วย
3 ผู้ฝึก : จัดจาก ผบ.มว.อาวุโสที่มีประสบการณ์ในการฝึก หรืออย่างน้อยได้ผ่านการทำหน้าที่เป็น ผู้ช่วยผู้ฝึกมาแล้ว โดยมีหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบการฝึก และทำหน้าที่ปกครองทหารใหม่พร้อม ๆ กันไปด้วย
- ผู้ช่วยผู้ฝึก : จัดจาก ผบ.มว.ที่มีอาวุโสต่ำกว่าผู้ฝึก หรือ จ.ส.อ. อาวุโสที่มีประสบการณ์ในด้านการ ฝึกทหารใหม่มาแล้ว โดยให้จัดตามความเหมาะสมอย่างน้อย 1 นาย
- ครูนายสิบ : จัดจาก นายสิบที่มีความรู้ ความสามารถ มีลักษณะท่าทางที่ดี เพื่อทำหน้าที่ ฝึกสอน ตามวิชาที่ได้รับมอบ และดูแลทหารใหม่อย่างใกล้ชิด โดยให้จัดครูนายสิบ 1 นาย ต่อครูทหารใหม่ 1 นาย เช่น ครูทหารใหม่ทั้งสิ้น จำนวน 15 นาย ให้จัดครูนายสิบ จำนวน 15 นาย ด้วยเช่นกัน
- ครูทหารใหม่ : จัดจากพลทหารที่สำเร็จการฝึกหลักสูตรครูทหารใหม่ เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือครู นายสิบ โดยจำนวนครูทหารใหม่ให้ถือเกณฑ์ จำนวนทหารใหม่ 8 นาย ต่อครูทหารใหม่ 1 นาย เศษให้ตัดทิ้ง และให้มียอดอะไหล่ร้อยละ 20 ของจำนวนครูทหารใหม่ของหน่วย
- สัดส่วนครูนายสิบ : ครูทหารใหม่ : ทหารใหม่ เป็นเท่าใด
ตอบ 1 : 1 : 8
- หน่วยฝึกทหารใหม่จะต้อง เบิก-รับ เครื่องช่วยฝึก , แผ่นภาพเครื่องช่วยฝึก และอุปกรณ์การฝึก ให้เรียบร้อย ก่อนดำเนินการฝึก โดยให้ปฏิบัติดังนี้คือ
ตอบ 1. เตรียมไว้ให้เพียงพอกับการใช้ในการฝึกทหารใหม่ ทุกวิชาทุกเรื่อง
- ตรวจสภาพให้เรียบร้อย มีการเก็บรักษาที่เหมาะสม และมีการซ่อมบำรุงให้พร้อมใช้งาน
- มีบัญชีคุม และสมุดยืม เรียบร้อย
4.นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง โดยนำมาใช้ประกอบการฝึกหรือสอนทุกครั้ง
- สนามฝึกที่ใช้ทำการฝึกทหารใหม่มีดังนี้ คือ
ตอบ 1. สนามฝึกบุคคลเบื้องต้น และแถวชิด ควรเป็นสนามหญ้า พื้นเรียบมีแท่นสูงสำหรับผู้ฝึก สามารถ รองรับทหารใหม่ขณะทำการฝึกได้เพียงพอ ทั้งท่าอยู่กับที่และท่าเคลื่อนที่ต่าง ๆ รวมทั้งสามารถฝึกรวมการทั้ง หน่วยฝึกได้
- สนามฝึกกายบริหาร
2.1 กายบริหารอยู่กับที่ เป็นลานพื้นเรียบ มีแท่นสูงสำหรับผู้ฝึก พื้นที่เพียงพอสำหรับการขยาย ระยะต่อ และระยะเคียงของทหารใหม่ทั้งหน่วยฝึกได้
2.2 ราวดึงข้อ มีการยึดตรึง แข็งแรง และเกิดความปลอดภัยขณะปฏิบัติ
2.3 สนามฝึกวิ่ง มีระยะทางรวม 2,000 เมตร ขนาดความกว้างเพียงพอ และการจราจรไม่พลุกพล่าน
- สนามฝึกยิงปืนเบื้องต้น ตั้งอยู่ในที่โล่งได้ระยะตามคู่มือการฝึก (แบบวงกลม หรือแบบคู่ขนาน)
- สนามฝึกทางยุทธวิธี ให้เลือกพื้นที่และภูมิประเทศที่สามารถทำการฝึกได้เหมาะสมกับภูมิประเทศ ในการรบ ให้มีความกว้าง และความลึกในระดับหมู่ ปล. ลักษณะการวางเครื่องกีดขวางให้วางสลับ มิใช่วางเป็นแถว ตรงกัน ป้อมสนาม และหลุมบุคคล ควรอยู่ในพื้นที่ที่ต้องมีการปกปิดกำบัง และซ่อนพราง การดัดแปลง ภูมิประเทศต่าง ๆ ให้คำนึงถึงความเหมาะสมในการฝึกให้เกิดความเข้าใจ เมื่อต้องนำไปใช้ปฏิบัติทางยุทธวิธี
- สนามฝึกยิงปืนระยะ 25 เมตร (1,000 นิ้ว) เน้นความปลอดภัยของสนามฝึกยิงปืนและบริเวณ โดยรอบขณะทำการฝึก ช่องยิง แนวยิง และเป้าต้องมีความสมบูรณ์พร้อมใช้งาน รวมทั้งหน่วยต้องกำหนดให้มี มาตรการรักษาความปลอดภัยในการใช้สนามฝึกดังกล่าวด้วย
- สนามฝึกขว้างลูกระเบิด ต้องอยู่ในที่โล่ง รูปแบบตามคู่มือการฝึก ฯ
- สนามฝึกการใช้ดาบปลายปืน ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สามารถทำการฝึกได้อย่างเหมาะสม ตามระยะที่ กำหนด และต้องตรวจสอบเครื่องช่วยฝึกให้ใช้งานได้ และมีความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา
- สนามฝึกเดินทางด้วยเข็มทิศ ลักษณะพื้นที่เป็นป่าโปร่ง ควรอยู่แยกต่างหากจากสนามฝึกอื่น ๆ
- สนามฝึกบุคคลทำการรบ ให้สามารถทำการฝึกได้ทั้งเวลากลางวัน และกลางคืน มีความเหมาะสม ใกล้เคียงกับความเป็นจริงของการรบให้มากที่สุด หากมีการดัดแปลงภูมิประเทศต้องให้มีความสมจริง
- สนามฝึกสร้างเครื่องกีดขวาง ให้มีลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะสมสำหรับเป็นการรั้งหน่วง หยุด การเคลื่อนที่ของข้าศึก
- พื้นที่การฝึกลาดตระเวน ให้พิจารณาภูมิประเทศที่มีทั้งที่โล่งแจ้ง, ป่าเขา, ลำธาร และเส้นทาง สามารถทำการฝึกได้ทั้งเวลากลางวัน และกลางคืน
- พื้นที่การฝึกป้อมสนาม ควรมีระยะที่สามารถปฏิบัติในระดับหมู่ ปล.ได้ เมื่อดัดแปลงภูมิประเทศแล้ว ต้องกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่นั้น ๆ
- พื้นที่การฝึกเคลื่อนที่ทางยุทธวิธี และการพักแรมในสนาม เป็นพื้นที่ที่ห่างจากหน่วยประมาณ 4 ชม. เดิน และมีความพร้อมสำหรับการค้างแรมในสนาม เช่น แหล่งน้ำ เส้นทางส่งกำลังบำรุง เป็นต้น
- การจัดตารางกำหนดการฝึกหลักมีความสำคัญมาก เพราะอะไร
ตอบ เพราะจะทำให้ ทราบว่า สัปดาห์ใดมีชั่วโมงการฝึกกี่ชั่วโมง จะฝึกเรื่องอะไร เป็นเวลาเท่าใด ครอบคลุมการฝึกครบทุกวิชาทุก เรื่องหรือไม่ มีจำนวนชั่วโมงการฝึกครบถูกต้องตามที่ระเบียบหลักสูตรฯ กำหนด ก่อนการจัดทำตารางกำหนดการฝึก หลัก และตารางกำหนดการฝึกประจำสัปดาห์ จึงต้อง มีการวางแผนการฝึกขึ้น
- หลักสูตรการฝึกทหารใหม่เฉพาะหน้าที่จะต้องทำการฝึก ภายหลังจบการฝึกทหารใหม่แล้ว ไม่เกิน กี่วัน
ตอบ ไม่เกิน 15 วัน
- การฝึกทหารให้ใช้การฝึกที่เน้นผลการปฏิบัติทหารให้ฝึกปฏิบัติมาก ๆ เพื่ออะไร
ตอบ เพื่อให้เกิดทักษะความชำนาญในการ ปฏิบัติแต่ละเรื่อง
- ผู้ฝึกสามารถทำการฝึกได้กี่แบบ อะไรบ้าง
ตอบ 3 แบบ คือ
– การฝึกแบบรวมการ เช่น วิชาการสอนอบรม, การฝึกแถวชิด
– การฝึกแบบแยกการ เป็นการฝึกหมุนเวียน แยกเป็นสถานีฝึก
– การฝึกแบบผสม (ทั้งแบบรวมการ และแยกการ)
- การฝึกแบบแยกการ เป็นอย่างไร
ตอบ เป็นวิธีการฝึกที่ดีมาก ทำให้ทหารใหม่เกิดความสนใจ มีความชำนาญ ได้มีโอกาสใช้ เครื่องช่วยฝึกอย่างทั่วถึง ไม่เกิดความเบื่อหน่าย โดยจัดทหารใหม่แบ่งออกเป็น กลุ่ม หรือ พวก ให้มีจำนวนใกล้เคียงกัน จำนวนกลุ่มที่เหมาะสมคือ 4 กลุ่ม เพื่อรับการฝึกสอน หมุนเวียน 4 วิชา ๆ ละ 2 ชม. ในแต่ละวัน หรืออาจแบ่งเป็น 8 กลุ่มวิชา ๆ ละ 1 ชม. ทำการฝึกอยู่ในบริเวณไม่ห่างไกลกัน
- การดำเนินการฝึกนั้น ผู้ฝึก ครูนายสิบและครูทหารใหม่ จะต้องปฏิบัติใน ลักษณะดังนี้ คือ
ตอบ 1. ฝึกจากง่ายไปหายาก
- เป็นไปตามตารางกำหนดการฝึก
- มุ่งเน้นการปฏิบัติมากกว่าการบรรยายเป็นสิ่งที่พึงกระทำ เพื่อให้ทหารใหม่ศึกษาทำความเข้าใจก่อน ทำการฝึกให้เกิดการเรียนรู้ และเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ต้องมิใช่กระทำในลักษณะให้ทหารใหม่ใช้ในการท่องจำ และ ทดสอบโดยการถามตอบ หรือการอ่านให้ทหารใหม่จดบันทึก
- การแจกจ่ายเอกสารประกอบการฝึก ให้ทหารใหม่นำไปท่องจำ หรือบอกให้ทหารจดบันทึก
- นำเครื่องช่วยฝึกมาใช้อย่างเหมาะสม และเต็มประสิทธิภาพ
- เมื่อฝึกจบในแต่ละวิชาจะต้องมีการประเมินผลทุกครั้งโดยต่อเนื่อง
- มีการแก้ไขทันที เมื่อทหารใหม่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามแบบฝึก
- ลักษณะของการฝึกที่เน้นผลการปฏิบัตินั้น ต้องเป็นอย่างไร
ตอบ มีวัตถุประสงค์การฝึกที่แน่ชัด โดยระบุไว้อย่างชัดเจนว่าทหาร ใหม่จะต้องมีขีดความสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อจบการฝึก โครงสร้างของวัตถุประสงค์การฝึกประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
- กิจเฉพาะ คือ เรื่องที่จะต้องปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วงไป (ผู้ฝึกทราบได้จาก ระเบียบหลักสูตรการฝึกทหารใหม่ 10 สัปดาห์ พ.ศ. 2551 ตอนที่ 7 แถลงหลักสูตรการฝึก หัวข้อเรื่องและ รายละเอียดที่ฝึกสอน)
- เงื่อนไข คือ เรื่องที่จะต้องปฏิบัตินั้นจะต้องกระทำให้สำเร็จลุล่วงภายใต้เงื่อนไขอย่างใด (ผู้ฝึกทราบได้ จาก คู่มือการประเมินผลการฝึกทหารใหม่ 8 สัปดาห์ พ.ศ.2544)
3.มาตรฐานการฝึก คือ มาตรฐานของการปฏิบัติที่ยอมรับแล้ว (ผู้ฝึกทราบได้จาก คู่มือการประเมินผล การฝึกทหารใหม่ 8 สัปดาห์ พ.ศ.2544)
- วิธีการฝึกแบ่งเป็นกี่ขั้นตอน
ตอบ 3 ขั้นตอน ได้แก่
- ขั้นสาธิต (CRAWL PHASE) ดำเนินการโดย ผบ.หน่วย/ผู้ฝึก พูดกับทหารถึงกิจเฉพาะเป็นหน่วยทีละขั้น อธิบายว่าแต่ละคน หรือหน่วยจะต้องทำอะไร (อธิบายกิจเฉพาะ เงื่อนไข มาตรฐาน) แสดงตัวอย่างกิจเฉพาะรอง โดย การปฏิบัติให้ดูตั้งแต่เริ่มแรกจนกระทั่งจบทั้งกิจเฉพาะเป็นหน่วย อธิบายมาตรการวัดสมรรถภาพในแต่ละขั้นตอน ในรายละเอียดถกแถลงหน้าที่ของกิจเฉพาะสนับสนุนภายในกิจเฉพาะหลัก ตอบคำถาม
- ขั้นปิดตอน (WALK PHASE) เป็นการปฏิบัติช้า ๆ ทีละขั้นด้วยการชี้แจงเงื่อนไขที่ริเริ่มกิจเฉพาะให้ ทหารแต่ละคนปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละขั้นตอนอย่างช้า ๆ ก่อน แนะนำและวิจารณ์การปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนที่ปฏิบัติ หยุดการฝึกถ้าเห็นว่าต้องแก้ไข และเริ่มฝึกต่อไปในกิจเฉพาะนั้น จนกระทั่งหน่วยสามารถปฏิบัติได้มาตรฐานโดย ไม่มีการแนะนำ
3.ขั้นเปิดตอน หรือขั้นปฏิบัติเต็มที่ (RUN PHASE) การฝึกในขั้นนี้ให้ทหารปฏิบัติกิจเฉพาะเป็นบุคคลหรือ เป็นหน่วยด้วยความเร็วสูงสุด เช่นเดียวกับการปฏิบัติในระหว่างการรบจริง ด้วยการกำหนดเงื่อนไขที่ริเริ่มกิจเฉพาะ ให้ฝึกปฏิบัติกิจเฉพาะไปโดยเสรีจนจบการปฏิบัติ ถ้าไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องให้เริ่มไปปฏิบัติในขั้นปิดตอน อีกครั้ง เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่กิจเฉพาะจะต้องปฏิบัติ ฯลฯ เช่น ภายใต้การป้องกัน นชค.ภูมิประเทศที่แตกต่าง เปลี่ยนตัวผู้ปฏิบัติในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ และฝึกให้ท้าทายด้วยการใช้ข้าศึกสมมุติ คชฝ.เลเซอร์ หรือการใช้ กระสุนจริง ในตอนสุดท้ายให้ทำการทบทวนหลังการปฏิบัติ (ทลป.) เพื่อสรุปจุดแข็ง จุดอ่อนของกำลังพลหน่วยที่ เข้าทำการฝึก
- การทบทวนหลังการปฏิบัติมีกี่ส่วน อะไรบ้าง
ตอบ 4 ส่วนคือ
4.1 กำหนดว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ประเมินผลและผู้ร่วมการฝึกจะกำหนดว่าอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ระหว่างการ ฝึกปฏิบัติกิจเฉพาะสำหรับการฝึกแบบสองฝ่าย กำลัง ขศ.สมมุติจะช่วยอธิบายการไหลเลื่อนของเหตุการณ์การฝึก และอภิปรายถึงผลที่เกิดขึ้นจากมุมมองของข้าศึก
4.2 กำหนดว่าอะไรถูก อะไรผิด กับสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ร่วมการฝึกจะทราบจุดแข็งและจุดอ่อนใน การ ปฏิบัติของตน ผู้ประเมินผลจะเล่นบทบาทสำคัญในการถกแถลง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการฝึกสรุปผลการปฏิบัติที่สอดคล้อง กับหลักนิยมมาตรฐานของกองทัพบก และสัมพันธ์กับภารกิจการรบ
4.3 กำหนดว่าจะมีวิธีที่ควรปฏิบัติกิจเฉพาะที่แตกต่างไปอย่างไรในการปฏิบัติครั้งต่อไป ผู้ประเมินผล จะนำกลุ่มผู้ร่วมการฝึกในการกำหนดว่าจะมีวิธีการปฏิบัติกิจเฉพาะที่แตกต่างออกไปอย่างไร หากมีการฝึกในครั้ง ต่อไป สิ่งนี้จะมีผลทำให้เกิดแรงจูงใจบุคคล และหน่วยในการฝึกดำรงความสามารถในระดับความชำนาญที่ต้องการ
4.4 ฝึกปฏิบัติกิจเฉพาะเดิมอีกครั้งซึ่งควรจะทำทันทีเท่าที่จะทำได้เพื่อแปลงการสังเกตการณ์ และการ ประเมินผลสู่การแก้ไข การฝึกเพิ่มเติมจะทำให้ผู้เข้าร่วมการฝึกประยุกต์ใช้บทเรียนที่ได้รับจากการ ทลป.ผู้นำเข้าใจว่า กิจเฉพาะทุกกิจเฉพาะจะไม่สามารถปฏิบัติเข้าสู่มาตรฐานได้ ดังนั้นระหว่างการวางแผนระยะสั้นและแผนก่อนการ ฝึกให้มีความอ่อนตัวในแบบที่ทำการฝึก และตารางการฝึก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สามารถทำการฝึกเพิ่มเติมได้ทันที หลังจากมีการ ทลป.
